5 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับคนหน้าอกใหญ่

เมษายน 23, 2022

รศ.นพ.พรเทพ พึ่งรัศมี

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งใน USA ได้แนะนำแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีหน้าอกใหญ่ update ใหม่ล่าสุด โดยรวมรวมจาก 114 การศึกษา คลิปนี้จะมาสรุปเรื่องที่น่าสนใจ 5 ข้อต้องรู้กันครับ

ลดขนาดหน้าอกใหญ่

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกมีเพิ่มขึ้นทุกปี ในสหรัฐอเมริกามีการผ่าตัดนี้ถึง 100,000 รายต่อปี ทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง จึงได้ศึกษาแนวทางปฏิบัติในการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกและสรุปมาในวารสารชื่อ Plastic and Reconstructive Surgery หรือ PRS ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่ศัลยแพทย์ตกแต่งทุกคนต้องอ่าน เพราะเป็นวารสารที่ให้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนามาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยอยู่เสมอ เล่มล่าสุดนี้ได้แนะนำแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีหน้าอกใหญ่ ซึ่งจริงๆมีการ update เรื่องนี้ ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2012 ก็คือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ก็มา update ใหม่ โดยรวมรวมจาก 114 การศึกษา แล้วมาสรุปให้อ่าน แต่บางอย่างเป็นเรื่องเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งศัลยแพทย์ตกแต่งต้องอ่านอยู่แล้ว แต่วันนี้จะมาเล่าให้ฟังเฉพาะที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้

1. หน้าอกใหญ่ควรผ่าตัดหรือไม่ ?

หน้าอกใหญ่มีอาการอะไร

ข้อแรก คนหน้าอกใหญ่ควรผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัดดีกว่ากัน หน้าอกใหญ่ที่มีอาการต่างๆ ทั้ง ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดแขน มีอาการชา มีผื่นขึ้นใต้ราวนมจากเชื้อรา และมีแผลจากสายเสื้อชั้นใน โดยมีการเปรียบเทียบระหว่างการรักษาแบบ ผ่าตัด กับไม่ผ่าตัด แบบไหนดีกว่ากัน โดยแบบผ่าตัดก็หมายถึงการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก และแบบไม่ผ่าตัดก็หมายถึง การให้ยาแก้ปวด การใส่เสื้อชั้นในชนิดพิเศษ และการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อหลังและคอแข็งแรงขึ้น

พบว่า การผ่าตัดได้ผลดีกว่าการรักษาแบบไม่ผ่าตัดในระยะยาว เพราะการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ผู้ป่วยยังคงมีอาการต่างๆอยู่ตลอด ไม่หายขาด นอกจากนี้ผู้ป่วยกลุ่มไม่ผ่าตัดยังมีแนวโน้มจะอ้วนขึ้นด้วย เนื่องจากไม่สามารถออกกำลังกายได้ และอาจมีผลกระทบต่อกระดูกสันหลังด้วย เพราะน้ำหนักหน้าอกที่มากเกินไป ทำให้กระดูกหลังและคอรับน้ำหนักมากขึ้น จึงมีกระดูกเสื่อมเร็วกว่าคนทั่วไป สรุปว่า ถ้าหน้าอกใหญ่ที่มีอาการควรผ่าตัดลดขนาดหน้าอก ยกเว้นคนที่มีโรคประจำตัว ที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด ก็คงไม่มีทางเลือก ต้องใช้การรักษาแบบประคับประคองคือแบบไม่ผ่าตัดเท่านั้น

2. ควรลดขนาดหน้าอกลงไปเท่าไร ?

ควรลดขนาดเท่าไร

ข้อที่ 2 เรื่องการลดขนาดหน้าอก ต้องลดขนาดเท่าไรจึงทำให้อาการต่างๆดีขึ้น มีการศึกษาระหว่างการลดขนาดหน้าอกน้อยกว่า 500 กรัม เทียบกับ มากกว่า 500 กรัม พบว่า อาการต่างๆ ดีขึ้นทั้ง 2 กลุ่ม โดยอาการที่ดีขึ้นไม่ได้ขึ้นกับน้ำหนักหน้าอกที่ตัดออกไป (ถ้าต้องการรู้ว่าอาการไหนดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ดูได้ใน 3 เรื่องต้องรู้ก่อนลดขนาดหน้าอก) ดังนั้นเวลาปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งก็บอกได้เลยว่าต้องการขนาดประมาณไหน จะได้ลดให้ได้ตามต้องการ โดยเฉพาะถ้ามีรูปมาให้ดูประกอบจะได้เข้าใจตรงกันว่าต้องการขนาดประมาณไหน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาว่านอกจากอาการต่างๆจะดีขึ้นแล้ว อารมณ์ ความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า รวมถึงคุณภาพชีวิตในต้านต่างๆก็ดีขึ้นด้วย

3. การสูบบุหรี่เพิ่มภาวะแทรกซ้อน ?

ข้อที่ 3 การสูบบุหรี่ทำให้ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่ทำให้แผลหายยากขึ้น และแผลติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้มีความเสี่ยงต่อการดมยาสลบเพิ่มขึ้นด้วย จึงแนะนำให้หยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

4. น้ำหนักมากเพิ่มภาวะแทรกซ้อน ?

น้ำหนักมากเพิ่มภาวะแทรกซ้อน

ข้อที่ 4 น้ำหนักมากทำให้ภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลายๆคนคิดว่าอ้วน แล้วแผลจะหายยาก ติดเชื้อได้ง่าย แต่จากการศึกษาในการผ่าตัดลดขนาดเต้านม พบว่า ถ้าน้ำหนักไม่มากจริงๆ จะไม่เพิ่มความเสี่ยงดังกล่าว โดยพบว่า ถ้า BMI หรือ body mass index มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ( วิธีการหา BMI ทำโดย การเอาน้ำหนักเป็นกิโลกรัม ตั้ง แล้วหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร 2 ครั้ง ก็จะได้เป็น BMI) จึงเพิ่มความเสี่ยงให้มีแผลหายยากและแผลติดเชื้อเพิ่มขึ้น 12% หรือ 1.7-2.9 เท่าของคนน้ำหนักปกติ ดังนั้นถ้ามี BMI มากกว่า 35 จึงควรลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายหรือผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักให้ได้น้ำหนักตามต้องการก่อน จึงค่อยมาผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

5. ส่งเนื้อเต้านมตรวจ จำเป็นหรือไม่ ?

ข้อที่ 5 การส่งเนื้อเต้านมที่ตัดออกส่งตรวจทางพยาธิวิทยา จำเป็นหรือไม่ โดยปกติการผ่าตัดศัลยแพทย์ตกแต่งจะตรวจเต้านมเพื่อดูความผิดปกติก่อน และถ้าอายุมากกว่า 40 ปีหรือมีความเสี่ยงสูง ก็จะส่ง mammogram หรือ อัลตราซาวด์เต้านมก่อนผ่าตัดอยู่แล้ว ถ้ามีก้อนต้องหาสาเหตุก่อน  และจากการศึกษาพบว่าชิ้นเนื้อของผู้ป่วยที่มาลดขนาดเต้านมพบว่า มีเนื้อผิดปกติได้ 3-10% และตรวจพบมะเร็ง 0.9-2.4% ดังนั้นการส่งตรวจชิ้นเนื้อควรพิจารณาเป็นรายๆไป

บทสรุป

จะเห็นว่าการผ่าตัดลดเต้านมมีข้อสรุปที่ควรรู้อยู่ 5 อย่างด้วยกัน คือ

ถ้ามีเต้านมใหญ่ที่มีอาการ ควรเลือกการผ่าตัดลดขนาดเต้านม อาการต่างๆจึงจะดีขึ้น โดยจะลดขนาดเต้านมลงมากหรือน้อยก็ช่วยเรื่องของอาการต่างๆได้ แต่ก่อนผ่าตัดควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ และควรควบคุมน้ำหนักให้ BMI น้อยกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และสุดท้าย หลังผ่าตัดจะส่งชิ้นเนื้อหรือไม่ต้องคุยกับศัลยแพทย์ตกแต่ง เพราะความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมของแต่ละคนไม่เท่ากัน

รับชมคลิป 5 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับคนหน้าอกใหญ่

ปรึกษาทีมแพทย์ BeContour

ท่านที่มีปัญหาต้องการปรึกษา สอบถามทุกเรื่องเกี่ยวกับศัลยกรรม สามารถสอบถามได้ทาง LINE @becontour (คลิกเพื่อเพิ่มเพื่อน) หรือโทร 065-528-9264


รู้ทัน! ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย หลังลดน้ำหนัก 20 กิโลขึ้นไป

รศ.นพ.พรเทพ พึ่งรัศมี รู้ทันปัญหา “ผิวหนังหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนัก” 20 กิโลขึ้นไป การลดน้ำหนักปริมาณมาก หลายคนคงเข้าใจว่า เมื่อลดแล้วจะได้หุ่นอย่างนางแบบ เป๊ะเว่อร์ แต่ในความเป็นจริงนั้น… ลดน้ำหนักแล้วจะได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ หลังอ่านบทความนี้จบ คุณได้ได้รู้ว่า หลังการลดน้ำหนักมาก ๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และจะแก้ไขได้อย่างไร การลดน้ำหนักปริมาณมาก คืออะไร การลดน้ำหนักเพื่อทำให้รูปร่างดีขึ้น ถ้าลดไม่เกิน 5 -10 กิโลกรัม ก็อาจจะได้หุ้นที่สวยงามถูกใจ แต่การลดน้ำหนักปริมาณมาก หรือที่เรียกว่า Massive Weight Loss หมายถึง การลดน้ำหนักมากกว่า 50 ปอนด์ หรือประมาณ 20 กิโลกรัมขึ้นไป ไม่ว่าคุณจะลดด้วยวิธีการผ่าตัด ออกกำลังกาย หรือการควบคุมอาหาร ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นไขมัน และผิวหนังทั่วร่างกาย ทำให้มีผิวหนังส่วนเกินปริมาณมากและหย่อนคล้อย รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการวิ่ง การเดิน การออกกำลังกาย และการรักษาความสะอาดของผิวหนังส่วนเกินทำได้ยาก รวมถึงทำให้สูญเสียความมั่นใจในรูปร่างของตนเอง ผิวหนังหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนัก เกิดขึ้นได้อย่างไร ขอเน้นนะครับ ว่าการลดน้ำหนักมาก […]

หน้าอกหย่อนคล้อย ตอบครบ! โนบรา ตั้งครรภ์ ดูแลหลังเสริมหน้าอก

รศ.นพ.พรเทพ พึ่งรัศมี รวม 4 คำถามยอดฮิตเรื่องหน้าอกหย่อนคล้อย ที่ผู้หญิงยุคนี้อยากรู้ สวัสดีครับ จากบทความที่แล้วที่เราคุยกันเรื่อง หน้าอกหย่อนคล้อย ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง และมีวิธีป้องกัน หรือชะลอการเกิดหน้าอกหย่อนคล้อยได้อย่างไร บ้าง ก็เลยมีคำถามมาจากผู้ติดตาม มีทั้งคนรุ่นใหม่ life style ของคนชอบออกกำลังกาย และสาวๆที่กำลังเตรียมตัวเป็นคุณแม่ จะป้องกันหน้าอกหย่อนคล้อยได้อย่างไร วันนี้เรามี 4 คำถามที่เราเลือกมาตอบครับ คำถามที่ 1 : ใส่โนบรา จะทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นไหม คำถามแรกเป็นคำถาม เรื่อง life style ของสาวๆรุ่นใหม่ที่สงสัย ถามมา คือ ขอบใส่โนบรา จะทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นไหม คำถามนี้ก็เหมาะดับคนรุ่นใหม่ที่แต่งตัว โดยเฉพาะสาวๆที่ชอบใส่เกาะอก ไม่ต้องการเห็นสายเสื้อชั้นใน หรือบางคนนิยมการปิดจุกอย่างเดียว การแต่งตัวแบบโนบรา ก็ทำให้แรงโน้มถ่วงของโลก ดึงให้หน้าอกเราหย่อนลง ดังนั้นถ้าคนที่มีหน้าอกใหญ่ ก็จะหย่อนเร็วกว่าคนที่มีหน้าอกเล็กกว่า นอกจากนั้น คนที่มีเนื้อเต้านมที่เป็นเนื้อไขมัน มากกว่า เนื้อนม หรือเนื้อนมนิ่ม ก็มักจะคล้อยมากกว่าคนที่มีเนื้อนมแน่นกว่า คำถามที่ 2 : […]

หน้าอกหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร? คำตอบที่ผู้หญิงทุกวัยควรรู้!

รศ.นพ.พรเทพ พึ่งรัศมี หน้าอกหย่อนคล้อย ไม่ได้เกิดจากอายุอย่างเดียว หน้าอกหย่อนคล้อยคงเป็นปัญหาของผู้หญิงหลายๆคน และพบได้ทุกวัย ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องหน้าอกหย่อนคล้อย เมื่อจบบทความนี้คุณจะได้ทราบว่า หน้าอกหย่อนคล้อยเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง สาเหตุไหนที่ป้องกันได้ และสาเหตุไหนที่ป้องกันไม่ได้ หน้าอกหย่อนคล้อย หรือ เรียกว่า Breast ptosis เป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัย บางคนเกิดเร็วตั้งแต่สาวๆ บางคนเกิดช้า แต่ก่อนจะไปรู้ว่าหน้าอกหย่อนคล้อยมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง เราควรจะทราบก่อนว่า โครงสร้างของหน้าอกประกอบด้วยอะไรบ้าง โครงสร้างของหน้าอก จริงๆแล้ว หน้าอกประกอบด้วย 3 ส่วน ตามรูปที่ 1 ส่วนแรก คือ กล้ามเนื้อหน้าอก ที่อยู่ลึกสุดทำหน้าที่รองรับหน้าอก ถ้ากล้ามเนื้อหน้าอกนี้ใหญ่ขึ้นก็กันให้หน้าอกนูนขึ้นมาได้บ้าง ส่วนที่สอง คือ เนื้อหน้าอก ซึ่งเนื้อหน้าอกประกอบด้วยต่อมน้ำนม หรือเนื้อเต้านม ไขมัน และเนื้อเยื่อยึดเต้านมที่เรียกว่า Cooper’s ligaments ซึ่งทำหน้าที่ยึดหน้าอกไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย ในบางคนมีเนื้อเต้านมมาก นมก็จะแน่นๆหน่อย แต่ถ้าคนที่มีส่วนประกอบเป็นไขมันมาก นมก็นิ่มหน่อย ส่วนสุดท้าย คือ ผิวหนัง ที่ปกคลุมหน้าอกไว้ ถ้าผิวหนังมีคุณภาพดี […]

Message us