การผ่าตัดนี้คืออะไร
การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกคืออะไร
การลดขนาดหน้าอก คือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดเต้านมที่ใหญ่เกินไป เพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของแต่ละคน โดยจะตัดทั้งส่วนของเนื้อเต้านม ไขมันและผิวหนังส่วนเกินออก
ขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป สามารถสร้างปัญหาให้กับผู้หญิงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น อาการปวดหลัง, คอ, บ่า, ไหล่ เนื่องจากการรับน้ำหนักที่มากของขนาดหน้าอก หรือ มีรอยรัดจากสายเสื้อชั้นบริเวณไหล่จากการรับน้ำหนักที่มากเกินไป หรือเกิดผื่นเชื้อราที่ใต้ราวนม เนื่องจากมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความกังวล ไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเองในการใส่เสื้อผ้าและก่อให้เกิดภาวะวิตกจริตหรือเครียดตามมาได้
ข้อดีและข้อเสียของการลดขนาดหน้าอก
ข้อดีของการลดขนาดหน้าอก
- แก้ไขหน้าอกให้มีขนาดเล็กลง มีรูปทรงที่สวยงาม เหมาะสมกับร่างกาย
- ช่วยลดอาการปวดหลังหรืออวัยวะต่างๆตามร่างกาย
- ทำให้เกิดความมั่นใจในรูปร่าง
- ทำให้หาเสื้อผ้าใส่ได้ง่ายขึ้น
ข้อจำกัดของการลดขนาดหน้าอก
- เต้านมมีขนาดเล็กลง เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าต้องการทำให้มีเนินเต้านมอาจจำเป็นต้องใส่ถุงซิลิโคนเต้านมในบางราย
- ไม่สามารถแก้ไขความห่างของหน้าอกได้ในบางกรณี
- สามารถแก้ความไม่เท่ากันของเต้านมทั้งสองข้างได้แต่ไม่ 100%
การผ่าตัดมีวิธีและขั้นตอนอย่างไร
แผลผ่าตัดที่ใช้ในการลดขนาดเต้านม
การลงแผลผ่าตัด แผลผ่าตัด ที่นิยมทำมี 3 ตำแหน่ง คือ
1. แผลผ่าตัดรอบปานนม (Circumareolar Incision)
ข้อดี : แผลเป็นน้อย มีเฉพาะรอบลานนมเท่านั้น
ข้อเสีย : ลดขนาดเต้านมได้ไม่มาก ยกหัวนมขึ้นได้ไม่เกิน 2 เซนติเมตร และลานหัวนมอาจผิดรูปได้

2. แผลผ่าตัดแบบตั้ง (Vertical Incision)
ข้อดี : แผลผ่าตัดสั้น ระยะเวลาในการผ่าตัดน้อย
ข้อเสีย : เก็บผิวหนังส่วนเกินได้เฉพาะในแนวตั้งเท่านั้น ตัดเนื้อเต้านมที่หย่อนคล้อยได้ไม่มาก เต้านมช่วงแรกดูไม่สวย ต้องรอเวลาประมาณ 3-6 เดือนจึงเข้ารูปดูเป็นธรรมชาติ

3. แผลผ่าตัดรูปตัว T หัวกลับ (inverted T Incision)
ข้อดี : แก้รูปทรงและความหย่อนคล้อยได้ตามต้องการ รูปร่างเต้านมสวยและใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ตัดผิวหนังส่วนเกินได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ข้อเสีย : ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน แผลผ่าตัดยาว

ข้อปฏิบัติหลังการผ่าตัด
ข้อปฏิบัติหลังการผ่าตัด
1.) การบวมและการฟกช้ำ
- การบวมและการฟกช้ำจะเกิดได้มากที่สุดใน 48-72 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด แล้วจะค่อยๆดีขึ้นหลังวันที่ 4
- การฟกช้ำจะดีขึ้นภายในระยะเวลาตั้งแต่ 4 วัน และจะหายจนหมดใน 21วัน
- การบวมจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ระยะแรกการบวมจะลดลงอย่างรวดเร็วใน 2-3 สัปดาห์ และจะค่อยๆลดลงอย่างช้าๆจนถึง 3-6 เดือน
- การประคบเย็นโดยการใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบ โดยรองด้วยผ้าสะอาดก่อนประคบบริเวณนั้นๆ ในช่วง 3 วันแรก จะช่วยลดการบวมและการฟกช้ำที่เกิดขึ้นได้
2.) อาการปวดและยาระงับปวดหลังผ่าตัด
- อาการปวดหลังการผ่าตัดจะมากที่สุดในวันแรก แล้วจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
- ควรรับประทานยาแก้ปวด เมื่อมีอาการปวดเท่านั้น และไม่รับประทานเกินขนาดตามแพทย์สั่ง
- ยาแก้ปวดอาจทำให้มีผลข้างเคียงในเรื่องของการเวียนศีรษะหรืออาเจียนได้
- ถ้ามีอาการปวดผิดปกติควรติดต่อแพทย์ทันที
- ต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อจนหมดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- รับประทานยาเพื่อรักษาโรคประจำตัวได้หลังการผ่าตัด ตามแพทย์พิจารณา
- ห้ามทานยาจำพวกกลุ่มยาแอสไพริน (Aspirin) หรือยาใดๆที่มีส่วนประกอบของแอสไพริน (Aspirin) และวิตามินอี (Vitamin E) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด หรือการฟกช้ำที่เกิดขึ้นได้ และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน
3.) การดื่มสุราและสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์เนื่องจากสารนิโคตินส่งผลทำให้แผลหายช้าได้
- งดดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังผ่าตัด
4.) การดูแลแผลผ่าตัด
- เมื่อถอดสายระบายเลือดออกแล้วจึงจะสามารถอาบน้ำได้ หรือเช็ดตัวเบาๆ และซับให้แห้งด้วย ผ้าสะอาด
- สามารถแกะแผ่นปิดแผลกันน้ำ ออกได้ 48 ชั่วโมง หลังจากออกจากโรงพยาบาล
- ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำอย่างน้อย 3-4 วัน หลังการผ่าตัด
- ไม่สัมผัสบริเวณแผลผ่าตัดโดยไม่จำเป็น
- ควรใช้ไม้พันสำลี หรืออุปกรณ์สำหรับป้ายยาในการทายาฆ่าเชื้ออย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน
- แพทย์จะนัดตัดไหมใน 5-7 วัน ขึ้นกับความตึงของแผล
- ถ้าแผลผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
- ถ้าต้องการทายาแก้แผลเป็น ควรเริ่มทาเมื่อแผลหายดี หลังตัดไหม
5.) ชุดยกกระชับหน้าอก
- ควรใส่ชุดกระชับหน้าอกหรือ support bra ( Bra ไม่มีโครงลวด )ตลอดเวลา เป็นเวลา 1-2 เดือน หลังการผ่าตัด
- หลังจาก 2 เดือนแล้ว ควรใส่เสื้อชั้นในปกติได้ เพื่อให้ได้ผลดีในระยะยาว
- หลังจาก 6 เดือนแล้ว ควรใส่เสื้อชั้นในปกติได้ เพื่อให้ได้ผลดีในระยะยาว
6.) การนวดเต้านม
- ทำเฉพาะในรายที่เสริมเต้านมด้วยถุงซิลิโคนทรงกลมเท่านั้น
- การนวดเต้านมเริ่มทำได้ 3-4 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด
- ควรนวดวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังอาบน้ำ โดยนวดครั้ง ละ 5-10 นาที
7.) การออกกำลังกาย
- ไม่ยกของหนักเกินกว่า 5 กิโลในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
- การออกกำลังกายปกติ สามารถเริ่มได้ทีละน้อย หลังการผ่าตัด 6-8 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการอบซาวน่าในระยะเวลา 6 เดือน หลังการผ่าตัด
- ไม่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาหรือเล่นกีฬาใดๆอย่างน้อย 6 เดือน หลังการผ่าตัด
8.) การนอนหลับ
- ภายหลังผ่าตัดควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ
- นอนยกศีรษะสูงโดยหนุนหมอน 2 ใบ จะช่วยลดอาการบวมได้
- ควรนอนในท่านอนหงายอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ อาจใช้หมอนข้างขนาบด้านข้างลำตัวหรือเอว เพื่อช่วยไม่ให้พลิกตะแคงลำตัว ได้ในขณะที่เผลอ